Subscribe

RSS Feed (xml)

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โป่งเดือดป่าแป๋ จังหวัดเชียงใหม่

ตื่นตาน้ำพุร้อน ที่พุ่งทะยาน จากดินสู่ฟ้า โป่งเดือดป่าแป๋เชียงใหม่
อัศจรรย์น้ำพุร้อนกีเซอร์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยมากมายด้วยสรรพคุณเพื่อการบำบัดรักษาท่ามกลางธรรมชาติเขียวสดของหมู่ไม้โป่งเดือดป่าแป๋จึงกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายในใจของคนรักสุขภาพ

เพราะเมืองไทยมีธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ซุกซ่อนอยู่มากมาย แม้แต่น้ำพุร้อนที่โป่งเดือดป่าแป๋ ในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นน้ำพุร้อนกีเซอร์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ยังมอบความตื่นตา จากสายน้ำพวยพุ่งจากระดับผิวดินเป็นครั้งคราวตลอดเวลา ตามแรงดันใต้ผิวดิน ถ้าเทียบกับบ่อน้ำพุร้อนที่เป็นเพียงน้ำผุดขึ้นมาเท่านั้นนับว่าโป่งเดือดป่าแป๋ อลังการกว่ากันมากนัก ทั้งยังมีสรรพคุณช่วยบำบัดรักษาโรคปวดตามข้อได้ดีอีกด้วย ในอดีตน้ำพุร้อนจากที่แห่งนี้ พวยพุ่งจากพื้นดินสูงถึง2 เมตร จากบ่อใหญ่ที่สุดในบรรดา3 บ่อที่มีอยู่ ทุกๆ30 วินาที คุณจะได้พบน้ำพุร้อนอุณหภูมิสูงถึง99 องศาเซลเซียส ที่ทะยานขึ้นจากดินสู่ฟ้า ราวกับโชว์ อันตระการตาจากธรรมชาติที่กำนัลสู่มนุษย์ และเพื่อให้ผู้มาเยือนได้รับคุณประโยชน์จากน้ำพุร้อนกันเต็มอิ่ม จึงมีการสร้างห้องอาบน้ำโดยน้ำร้อนจากโป่งเดือดส่งผ่านเข้ามาทางท่อที่เชื่อมต่อกับน้ำพุร้อนว่ากันว่า...ด้วยแร่ธาตุที่มีในน้ำพุร้อนนั้นจะช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณได้ดี
อร่อยประจำถิ่น
• ที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีร้านอาหารสวัสดิการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มบริการนักท่องเที่ยวในราคาสบายกระเป๋า

รู้ก่อนเดินทาง
• หากเดินทางมาเยือนในฤดูหนาวแนะว่าควรกางเต๊นท์ พักแรมณอุทยานฯเพื่อดื่มด่ำทะเลหมอกยามเช้าติดต่ออุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังโทร.053471669

อ้างอิงจาก102ท่องเที่ยวออกรส Scb.co.th

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ประวัติศาสตร์ของไทย


ประเทศไทย หรือประเทศสยาม
คนไทยนั้นไม่เคยเรียกตนเองว่า "สยาม" เลย นอกจากจะเรียกว่า "ไทย" แต่ชาวต่างชาตินิยมเรียกประเทศไทยว่า สยาม (Siam) และเรียกคนไทยว่า "ไซมีส" (Siamese) สำหรับลำดับการเรียกชื่อประเทศในสังคมไทยนั้น พอจะสรุปได้ ดังต่อไปนี้ คือ

1.

เดิมทีคนไทยเรียกชื่อประเทศโดยใช้ชื่อเมืองหลวงเป็นชื่อประเทศ เช่น กรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา จนถึง กรุงรัตนโกสินทร์


2.

ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทำหนังสือสัญญากับต่างประเทศ ได้เรียกชื่อประเทศว่า กรุงศรีอยุธยา


3.

ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแยกชื่อเมืองหลวงออกจากชื่อประเทศ ตามแบบตะวันตก คือ เรียกประเทศว่า "สยาม" โดยได้ทรงลงพระปรมาภิไธยว่า Rex Siamensis


4.

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรปี พ.ศ. 2475 ใช้ชื่อว่ารัฐรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม และมาตรา 1 ระบุว่า "ประเทศสยามเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกไม่ได้"


5.

พ.ศ. 2480-2481 ในสัญญาทางพระราชไมตรีการพาณิชย์ การเดินเรือกับต่างประเทศใช้คำว่า "ประเทศสยาม" "ราชอาณาจักรสยาม" "รัฐบาลสยาม" แต่เมื่อกล่าวถึงภาษาใช้คำว่า "ภาษาไทย" และมีบางแห่งใช้ไทยและสยามปน ๆ กันไป


6.

พ.ศ. 2482 ในสมัยจอมพลหลวงพิบูลสงคราม มีการประกาศใช้ประกาศรัฐนิยม ฉบับที่ 1 ให้ใช้ชื่อ ประเทศ ประชาชน และสัญชาติว่า "ไทย"


7.

รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามของประเทศปีพุทธ ศักราช 2482 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2482 โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้บัญญัติไว้ในมาตรา 3 ว่า ให้เรียกชื่อประเทศว่า "ประเทศไทย" และบทรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นที่ใช้คำว่า "สยาม" ให้ใช้คำว่า "ไทย" แทน จึงเท่ากับเป็นการฆ่าคำว่า "สยาม" ให้ตายไปโดยสิ้นเชิง นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจะต้องเรียกคนไทยว่า "ไทย" (Thai) และเรียกชื่อประเทศว่า ประเทศไทย (Thailand) ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น


8.

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รัฐบาลของนายทวี บุณยเกตุ ประกาศใช้ชื่อประเทศไทยใน ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสว่า "Siam" ชื่อประเทศไทยและภาษาไทยว่า "ประเทศไทย" ส่วนสัญชาติ ผู้ถือหนังสือเดินทางเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า "Siamois" ในขณะเดียวกันนั้น ประเทศอังกฤษได้ขอตั้งเงื่อนไขขอเรียกชื่อประเทศไทยว่า "ประเทศสยาม" ซึ่งรัฐบาลไทยก็มิได้ขัดข้องประการใด จึงดูเหมือนว่าชาวต่างประเทศจะเรียก สยาม ก็ได้ ไทย ก็ได้


9.

เมื่อเกิดรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 นายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรี คงเรียกประเทศว่า "ประเทศไทย" ส่วนการเรียกในภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสให้เรียก "Siam"


10.

เมษายน พ.ศ. 2491 เมื่อจอมพลหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายควง อภัยวงศ์ รัฐบาลกลับเปลี่ยนชื่อประเทศไทยในภาษาอังกฤษว่า "Thailand" และฝรั่งเศสว่า "Thailande" ซึ่งคงใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้


11.

รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492 ได้เขียนลงไว้ว่า "ประเทศไทย"


12.

พ.ศ. 2511 สภาร่างรัฐธรรมนูญมีการอภิปรายเปลี่ยนชื่อจาก "ไทย" เป็น "สยาม" แต่สมาชิกส่วนมากไม่ยอมรับ


13.

พ.ศ. 2517 สภาร่างรัฐธรรมนูญได้อภิปรายในเรื่องเดียวกันนี้ แต่สมาชิกส่วนมากไม่ยอมรับเช่นกัน

ประเทศไทย หรือ ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ทิศใต้ติดอ่าวไทย และประเทศมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามันและประเทศพม่า และทิศเหนือติดกับประเทศพม่า และประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นบางช่วง มีศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ ซึ่งได้รับสถิติโลกเป็นเมืองหลวงที่มีชื่อเต็มที่ยาวที่สุดในโลก คือ "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์"

ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยและราชาธิปไตย ประมุขแห่งรัฐพระองค์ปัจจุบันคือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แห่งราชวงศ์จักรี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ในฐานะประมุขแห่งรัฐที่นานที่สุดในโลก

ประเทศไทยมีประชากรกว่า 63 ล้านคน อันประกอบด้วยเชื้อสายไทย กว่า 80% ชาวจีน 10% ชาวมาเลย์อีก 3% นอกจากนั้นยังมีชาวเขาเผ่าต่างๆ มีภาษาราชการ คือ ภาษาไทย พลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศนับถือศาสนาพุทธ จึงได้วัฒนธรรมของไทยที่เป็นที่น่าประทับใจของแขกผู้มาเยือน เช่น การให้ความเคารพผู้สูงอายุ และที่สำคัญ คือ ความเป็นมิตรและการรับรองแขกผู้มาเยือน จนได้รับสมญานามว่าเป็น "สยามเมืองยิ้ม"

ประเทศไทยนับได้ว่าเป็นประเทศเดียว ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของมหาอำนาจจากยุโรปเลย

หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา


ดื่มด่ำกับความรู้สึกท่ามกลางแสงทองสุดท้ายที่อาบพราวระยิบของท้องทะเลอันดามัน

ณ จุดสูงสุดของยอดเกาะสี่สิมิลัน เกาะสวรรค์ กับความงามที่ไม่เคยสูญสิ้นไปตามกาลเวลา บนหาดทรายขาวที่ทอดตัวยาวสู่กลางทะเลสีฟ้าใส ปล่อยให้กลิ่นอายของความสุขคลุกเคล้าไป กับสายลมบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นได้ที่หมู่เกาะสิมิลันจังหวัดพังงา หมู่เกาะที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีปะการังน้ำลึกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ในประเทศไทย สิมิลันเป็นภาษายาวี แปลว่าเก้าหมายถึงหมู่เกาะทั้งเก้า ที่เรียงตัวอยู่ด้วยกันกลางทะเลอันดามันแห่งนี้ และมีน้องใหม่คือ เกาะตาชัยและเกาะบอน ที่เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกของหมู่เกาะสิมิลัน เมื่อไม่นานไม่ใช่แค่ความงามบนพื้นดินบนผิวน้ำที่มองเห็น และสัมผัสได้ด้วยตาเปล่าก็ใสราวกับกระจก และงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ความสมบูรณ์ของปะการัง และสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลของสิมิลันยังเป็นที่เลื่องชื่อลือชา ในหมู่นักดำน้ำทั่วโลกว่าต้องมาดูให้เห็นกับตาสักครั้ง ยามบ่ายคล้อยกิจกรรมที่น่าสนใจที่สุด คือการได้ไปนั่งทอดอารมณ์ทบทวนความคิดความรู้สึก อาบแสงทองชมพู และชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ณ จุดชมวิวจุดสุดท้ายของแผ่นดินไทยที่จะได้เห็น พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนเกาะสี่ ของสิมิลันหรือถ้าอยู่ที่เกาะแปด ก็ให้ปีนขึ้นไปบนหินเรือใบ จะได้เห็นภาพหมู่เกาะน้อยใหญ่ และทะเลอันดามันไกลสุดลูกหูลูกตาทั่วอณูของท้องฟ้ากว้าง ทั่วขอบเขตของท้องทะเลไทย ถึงแม้จะเต็มไปด้วยการอำลาอาลัย แต่นั่นคือสัญญาณของการเริ่มต้นใหม่ที่กำลังจะตามมาอร่อยประจำถิ่น
• บนเกาะสี่และเกาะแปดมีร้านอาหารสวัสดิการคอยบริการตั้งแต่เวลา08.00-20.00น.ทุกวันถ้าให้ดีลองชิมอาหารพื้นเมืองทางใต้เช่นแกงส้ม(แกงเหลือง)กับไข่เจียวรับรองจะติดใจ

รู้ก่อนเดินทาง
• ปิดเกาะตั้งแต่วันที่16พฤษภาคม-15พฤศจิกายนของทุกปี แต่หากมีมรสุมเข้าก่อนกำหนด ทางอุทยานจะประกาศปิดเกาะก่อนขอให้ตรวจเช็คอีกครั้ง โทร.075629018-9หรือโทร.02-5620760

• เกาะที่สามารถพักค้างแรมได้ คือเกาะสี่ และเกาะแปดจะมีบ้านพักเต๊นท์ และร้านค้าสวัสดิการไว้บริการ

หาดไร่เล จังหวัดกระบี่


เงาจันทร์เสียงแผ่วเบาของสายลมราวกับเป็นคำสัญญาว่าความงดงามเช่นนี้จะอยู่คู่หาดไร่เลตลอดไป

ณ หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆแห่งหนึ่ง ในตำบลอ่าวนางจังหวัดกระบี่ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติภูเขาหินปูน และผาสูงชันทำให้การเดินทางมาหมู่บ้านนี้ ต้องอาศัยการนั่งเรือเพียงอย่างเดียว หมู่บ้านนี้มีหาดทรายสวยงามเนื้อละเอียดชื่อ หาดไร่เลซึ่งยังไม่เป็นที่คุ้นหูกับคนไทยนัก แต่หารู้ไม่ว่าที่นี่ เป็นที่ที่หลายคนอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนไกล เพื่อจะบันทึกความทรงจำว่าครั้งหนึ่ง เคยได้สัมผัสบรรยากาศโรแมนติก ชมจันทร์สวยปีนหน้าผาสูงที่อ่าวไร่เล ที่นี่น้ำทะเลสีมรกตเวิ้งหาดทรายเนียนนุ่มของไร่เล โค้งตัวยาวไปตามแนวเขายามบ่ายนั่งเรือโทง เรือประมงท้องถิ่น ที่ชาวบ้านชาวเลพร้อมใจกันอนุรักษ์ไว้ ไปเที่ยวถ้ำพระนางอนุสรณ์ตำนานรักระหว่างหญิงสาว และพญานาค หรือจะแค่นอนแช่น้ำทะเลสีฟ้าใสก็สุขใจ พอกันหากใคร ที่ชอบแนวผจญภัยไร่เลโด่งดังมาก ในเรื่องกิจกรรมปีนหน้าผามีทีมงานฝีมืออาชีพ คอยดูแลเย็นย่ำค่ำลงบรรยากาศ ที่หาดไร่เลงดงามยิ่งนัก โดยเฉพาะคืนจันทร์เต็มดวงแสงสีหวานของพระจันทร์ จะอาบไล้ผิวนวล ของท้องทะเลกว้างสะท้อนให้เห็นภาพดวงจันทร์สองดวงอยู่คู่กัน เป็นความงดงามและความโรแมนติก ที่ยังคงอยู่คู่หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ตลอดไป

อร่อยประจำถิ่น
• ที่อ่าวนางทานอาหารทะเลสดๆที่ร้าน"วังทราย"เมนูเด็ด ที่พลาดไม่ได้คือหอยชักตีนกุ้งเผาเนยปลาหมึกย่าง

• ไปถึงกระบี่ต้องลองหอยชักตีน ลวกสดๆจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำพริกกุ้งเสียบ แกงส้มปักษ์ใต้ แกล้มด้วยผักเหลียงผัดไข่ เข้าร้านไหนถามหาได้เลยรับรองไม่ผิดหวัง

รู้ก่อนเดินทาง
• ควรหาโอกาสเช่าเรือออกไปเที่ยวตามเกาะต่างๆเช่นเกาะไก่เกาะทัพเกาะห้องเกาะปอดะทะเลแหวกซึ่งสามารถไปได้ทุกที่ในวันเดียวจะพายเรือแคนนูหรือเรือคายัคที่อ่าวท่าเลนลัดเลาะไปตามชายป่าโกงกางหรือรอบหมู่เกาะห้องกิจกรรมปีนเขาที่ไร่เลใครไปใครมาต้องหาโอกาสไปลองซักครั้ง

• ช่วงฤดูท่องเที่ยวของไร่เลจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน - กลางเดือนพฤษภาคม เดินทางจากได้สะดวกจาก
อ่าวนาง

• ช่วงฤดูมรสุมกลางเดือนพฤษภาคม-ตุลาคมให้เดินทางจากอ่าวน้ำเมา

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม


บนสายน้ำในคืนเดือนมืดหิ่งห้อยตัวน้อยๆ ค่อยๆส่องแสงกระพริบระยิบระยับ เป็นจังหวะเต็มต้นลำพู และเป็นที่มาของนิทานหิ่งห้อยที่ใช้กล่อมเด็กตัวน้อยๆให้นอนหลับฝันดี
ภาพในอดีตสมัยคุณตาคุณยายยังเด็ก ที่บ้านสวนริมคลองเด็กๆกระโดดลงน้ำวิ่งไล่จับกัน ตามท้องร่องในสวนมะพร้าวพ่อค้าแม่ขายยังต้องใช้เรือแจวเป็นพาหนะ ถึงเวลาย่ำค่ำแต่ละบ้านจุดตะเกียงน้ำมันส่องแสง วอมแวมล้อมวงกินข้าว อิ่มแล้วก็เอนกายที่ศาลาริมน้ำ เด็กๆนอนฟังนิทานหิ่งห้อย ที่เล่าต่อๆกันมาว่าเป็นวิญญาณของชายหนุ่ม ถือโคมไฟเที่ยวตามหาหญิงคนรักที่ชื่อลำพู ภาพเหล่านี้ยังมีให้เห็นที่อัมพวา เรือนไม้เรียงแถวอยู่ริมตลิ่ง ชีวิตที่เรียบง่ายในแบบวิถีไทย อบอวลให้เห็นตลอดสองฟากฝั่ง ยามเย็นของวันศุกร์-เสาร์ และอาทิตย์ที่ตลาดคลองอัมพวา จะคลาคล่ำไปด้วยพ่อค้า แม่ค้าที่พายเรือเอาผักผลไม้สดๆ จากสวนมาขาย อีกทั้งเครื่องดื่มขนมหวานของคาวหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือ หอยทอด ปลาหมึกย่าง กาแฟโบราณ และอื่นๆอีกมากมาย พออิ่มหนำสำราญปล่อยเวลาไปกับ การเดินลัดเลาะชมเรือนแถวไม้ ที่ยังคงสภาพแบบโบราณไว้ทั้งป้ายชื่อร้านรวง มีให้เห็นตลอดสองฝั่งเมื่อแสงแรกแห่งราตรีมาถึง ลงเรือแจวลำน้อยล่องไปช้าๆท่ามกลางความเงียบสงบ ไม่นานจะได้พบสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆค่อยๆปล่อยแสง ระยิบระยับ วิบวับทั่วป่าลำพู บรรยากาศยามค่ำกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทำให้คลองอัมพวาในค่ำคืน ที่มืดมิดมีความงดงาม และโรแมนติกอย่าบอกใคร
อร่อยประจำถิ่น
• จากทางแยกเลี้ยวเข้าตลาดน้ำ ให้ตรงข้ามไฟแดงไปแล้วข้ามสะพานไปอีก ประมาณ500เมตรสังเกต วัดลังกาทางขวามือ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยตรงข้ามวัดปากซอย มีศาลารอรถโดยสารตรงเข้าไปประมาณ500เมตร ร้านจะอยู่ริมคลองตรงเชิงสะพาน ด้านซ้ายมือเป็นร้านอาหารตามสั่ง ไม่มีชื่อร้านอาหารเด็ด คือผัดกระเพรากุ้งกะตอม ที่ตกสดๆจากหน้าร้านหมี่กรอบโบราณ ราดหน้าเส้นใหญ่ ที่ผัดเส้นได้นิ่มมาก

• ร้านเพื่อนอยู่ริมคลอง ในซอยวัดลังกาอาหารเด็ด คือ กุ้งแม่น้ำเผากุ้งตัวเท่าแขน เป็นกุ้งที่ชาวบ้านตกสดๆแล้วมาขาย ให้ที่ร้านปลาสำลีแดดเดียวยำถั่วพู

รู้ก่อนเดินทาง
• หิ่งห้อยมีมาก ในฤดูฝนควรไปชมในคืนเดือนมืด หรือคืนข้างแรม และในวันที่น้ำขึ้น จะเห็นหิ่งห้อยชัดเจน
• ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำยามเย็นแห่งเดียวในประเทศไทย มีเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เท่านั้น วันศุกร์ตลาดเริ่มตั้งแต่ ประมาณ3โมงเย็น ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี


หากคำว่า"รัก"แทนความยิ่งใหญ่ของหัวใจใครสักคนพระราชนิเวศน์แห่งนี้คงเปรียบเสมือน"ดวงใจ"ที่มีความหมายของคำว่ารักชั่วนิรันดร์
ย้อนอดีตไปเมื่อพ.ศ.2466พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างพระราชนิเวศน์มฤคทายวันแห่งนี้เนื่องเพราะเป็นสถานที่ ทรงอภิบาลพระมเหสีด้วยความรัก และมีความหวังที่จะทรงมีพระปิโยรส ไว้สืบสันตติวงศ์ ดังนั้นพระราชนิเวศน์มฤคทายวันจึงเป็นสถานที่แห่งความรัก ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้รับการขนานนามว่า พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง ห่างจากหาดชะอำประมาณ10กิโลเมตรไปทางใต้ จังหวัดเพชรบุรีท่ามกลางธรรมชาติอันสงบรื่นรมย์แวดล้อมไปด้วยพรรณไม้ร่มรื่นเกลียวคลื่น และหาดทรายขาวสะอาดตาคือที่ตั้งของพระราชวังฤดูร้อนไม้สักทองแห่งแรก และแห่งเดียวของโลกสถาปัตยกรรมของทุกห้องโปร่งโล่งโทนสีหวาน สะดุดตามีหน้าต่างเปิดรับลมทะเลได้อย่างชื่นใจและที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ทุกๆย่างก้าวที่ย่ำอยู่บนผืนทรายในเขตพระราชวังจะรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน และโรแมนติกอบอวลอยู่รอบกาย แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยนานสักเพียงใดการที่ได้มาเยือนพระราชวังแห่งนี้ ก็ยังคงความหวาน และนุ่มนวลตลอดเวลา และจะเป็นพระราชวังที่มีภาพความหลังที่งดงามอยู่ในหัวใจคนไทยตลอดไป
อร่อยประจำถิ่น
• "ร้านป้าฮีด"ตั้งอยู่บริเวณสะพานปลาชายหาดชะอำโด่งดังในเรื่องอาหารทะเลสดไม่ว่าจะเป็นปูปลาหมึกกุ้งปลาทะเลส่วนใครที่ยังติดกับอาหารรสแซ่บถึงใจแวะทานข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำรสจัดได้ที่
"ร้านส้มตำร.ฟ.ท.(รถไฟไทย)"อยู่บนถนนเพชรเกษมขาลงใต้ห่างจากBigCไปประมาณสามร้อยเมตรด้านซ้ายมือ

รู้ก่อนเดินทาง
• ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจาก "เดินชมวัง" เป็น"ขี่จักรยานชมวัง" ก็ขอเช่าจักรยานได้จากเจ้าหน้าที่รับรองว่าจะได้บรรยากาศสนุกสนานและเพลิดเพลินไปอีกแบบ
• ต้องแต่งกายให้สุภาพในการเข้าเยี่ยมชมหากแต่งกายไม่ถูกต้องตามระเบียบ เจ้าหน้าที่จะมีเสื้อและผ้านุ่งให้สวมทับ

คำขวัญ 14จังหวัด ภาคใต้

ภาคใต้

ชุมพร (ชพ.)

"ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรมฯ ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก"

ระนอง (รน.)

"คอคอดกระ ภูเขาหญ้า กาหยูหวาน ธารน้ำแร่ มุกแท้เมืองระนอง"

สุราษฎร์ธานี (สฎ.)

"เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ"

นครศรีธรรมราช (นศ.)

"เราชาวนคร อยู่เมืองพระ มั่นอยู่ในสัจจะศีลธรรม กอรปกรรมดี มีมานะพากเพียร
ไม่เบียดเบียนทำอันตรายผู้ใด"

พังงา (พง.)

"แร่หมื่นล้าน บ้านกลางน้ำ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก แมกไม้จำปูน บริบรูณ์ด้วยทรัพยากร"

กระบี่ (กบ.)

"กระบี่เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก"

ภูเก็ต (ภก.)

"ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม"

พัทลุง (พท.)

"เมืองหนังโนราห์ อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาปงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน"

ตรัง (ตง.)

"เมืองพระยารัษฎา ปวงประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง
ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา"

สงขลา (สข.)

"นกน้ำเพลินตา สมิหราเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้"

สตูล (สต.)

"สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์"

ปัตตานี (ปต.)

"บูดูสะอาด หาดทรายสวย รวยน้ำตก นกเขาดี ลูกหยีอร่อย หอยแครงสด"

ยะลา (ยล.)

"ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน"

นราธิวาส (นธ.)

ทักษิณราชตำหนัก ชนรักศาสนา นราทัศน์เพลินตา บาโจตรึงใจ แหล่งใหญ่แร่ทอง ลองกองหอมหวาน"

คำขวัญ 4จังหวัด ภาคตะวันออก

ภาคตะวันออก

ชลบุรี (ชบ.)

"ทะเลงาม ข้าวหลามอร่อย อ้อยหวาน จักสานดี ประเพณีวิ่งควาย"

ระยอง (รย.)

"ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก"

จันทบุรี (จบ.)

"น้ำตกลือเลื่อง เมืองผลไม้ พริกไทยพันธุ์ดี อัญมณีมากเหลือ เสื่อจันทบูร สมบรูณ์ธรรมชาติ
สมเด็จพระเจ้าตากสินกู้ชาติ รวมญาติที่จันทบุรี"

ตราด (ตร.)

"เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา"

คำขวัญ 17จังหวัด ภาคเหนือ

ภาคเหนือ

กำแพงเพชร (กพ.)

"กรุพระเครื่อง เมืองคนแกร่ง ศิลาแลงใหญ่ กล้วยไข่หวาน น้ำมันลานกระบือ"

อุทัยธานี (อน.)

"อุทัยธานีเมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้ำตก มรดกห้วยขาแข้ง
แหล่งต้นน้ำสะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ"

นครสวรรค์ (นว.)

"เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ"

พิจิตร (พจ.)

"เมืองชาละวัน แข่งขันเรือยาว ข้าวเจ้าอร่อย ส้มท่าข่อยรสเด็ด หลวงพ่อเพรชรวมใจ บึงสีไฟลือเลื่อง
ยอดพระเครื่องหลวงพ่อเงิน"

พิษณุโลก (พล.)

"พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและ
น้ำตกหลากตระการตา"

ตาก (ตก.)

"ธรรมชาติน่ายล ภูมิพลเขื่อนใหญ่ พระเจ้าตากเกรียงไกร เมืองไม้และป่างาม"

สุโขทัย (สท.)

"มรดกโลกล้ำเลิศ กำเนิดลายสือไทย เล่นไฟลอยกระทง ดำรงพุทธศาสนา งามตาผ้าตีนจก
สังคโลกทองโบราณ สักการะแม่ย่าพ่อขุน รุ่งอรุณแห่งความสุข"

อุตรดิตถ์ (อต.)

"เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหัก ถิ่นสักใหญ่ของโลก"

แพร่ (พร.)

"ม่อฮ่อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอ พระธาตุช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผี คนแพร่มีน้ำใจงาม"

เพชรบรูณ์ (พช.)

"เมืองมะขามหวาน อุทยานน้ำหนาว ศรีเทพเมืองเก่า เขาค้ออนุสรณ์ นครพ่อขุนผาเมือง"

ลำปาง (ลป.)

"ถ่านหินลือชา รถม้าลือลั่น เครื่องปั้นลือนาม งามพระธาตุลือไกล ฝึกช้างให้ลือโลก"

น่าน (นน.)

"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง"

ลำพูน (ลพ.)

"พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำใยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวี ศรีหริภุญไชย"

เชียงใหม่ (ชม.)

"ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผาชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์"

พะเยา (พย.)

"กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม"

แม่ฮ่องสอน (มส.)

"หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง"

เชียงราย (ชร.)

"เหนือสุดในสยาม ชายแดนสามแผ่นดิน ถิ่นวัฒนธรรมล้านนา"

คำขวัญ 18จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นครราชสีมา (นม.)

"เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน"

ชัยภูมิ (ชย.)

"ชัยภูมิทิวทัศน์สวย รวยป่าใหญ่ มีช้างหลาย ดอกไม้งาม ลือนามวีรบุรุษ สุดยอดผ้าไหม พระใหญ่ทราวดี"

บุรีรัมย์ (บร.)

"เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม"

มหาสารคาม (มค.)

"พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมล้ำเลอค่า ตักศิลานคร"

ร้อยเอ็ด (รอ.)

"ร้อยเอ็ดเพชรอีสาน พลาญชัยบึงงาม เรืองนามพระสูงใหญ่ ผ้าไหมชั้นดี สตรีโสภา ทุ่งกุลาสดใส
งานใหญ่บุญผะเหวด"

ยโสธร (ยส.)

"เมืองประชาธิปไตย บั้งไฟโก้ แตงโมหวาน หมอนขวาน ผ้าขิด แหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ"

ศรีสะเกษ (ศก.)

"ศรีสะเกษแดนปราสาทขอม หอมกระเทียมดี มีสวนสมเด็จ เขตดงลำดวน หลากล้วนวัฒนธรรม
เลิศล้ำสามัคคี"

สุรินทร์ (สร.)

"สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม พร้อมวัฒนธรรม"

กาฬสินธุ์ (กส.)

"เมืองฟ้าแดนยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมภูไท ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว
ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี"

ขอนแก่น (ขก.)

"พระธาตุขามแก่น เสียงแคนดอกคูน ศูนย์รวมผ้าไหม ร่วมใจผูกเสี่ยว เที่ยวขอนแก่นนครใหญ่
ไดโนเสาร์ลือก้อง เหรียญทองมวยโอลิมปิก"

อำนาจเจริญ (อจ.)

"พระมงคลมิ่งเมือง แหล่งรุ่ง เรืองเจ็ดลุ่มน้ำ งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เทพนิมิตรพระเหลา เกาะแก่งเขา
แสนสวย เลอค่าด้วยผ้าไหม ราษฎร์เสื่อมใสใฝ่ธรรม"

อุดรธานี (อด.)

"น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตรหนองประจักษ์
เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอม อุดรซันไฌน์"

อุบลราชธานี (อบ.)

"เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม
งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์"

มุกดาหาร (มห.)
"เมืองชายโขงงาม มะขามหวานเลิศ ถิ่นกำเนิดลำพญา ภูผาเทิบพิสดาร กลองโบราณล้ำค่า
วัฒนธรรมไทยแปดเผ่า"

สกลนคร (สน.)
"พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุด
ซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม"

หนองบัวลำภู (นภ.)
"ศาลสมเด็จพระนเรศวร อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ
นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน"

เลย (ลย.)
"เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู"

หนองคาย (นค.)
"วีรกรรมปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทย-ลาว" นครพนม (นพ.)
"พระธาตุพนมล้ำค่า วัฒนธรรมหลากหลาย เรณูภูไท เรือไฟโสภา งามตาสองฝั่งโขง"

คำขวัญ 22จังหวัด ภาคกลาง

ภาคกลาง

กรุงเทพมหานคร (กทม.)

"ช่วยชุมชนแออัด ขจัดมลพิษ แก้ปัญหารถติด ทุกชีวิตรื่นรมย์"

ปทุมธานี (ปท.)

"ถิ่นบัวหลวง เมืองรวงข้าว เชื้อชาวมอญ นครธรรมะ”

ประจวบศีรีขันธ์ (ปข.)

"เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าว สัปรด สวยสดหาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ"

ชัยนาท (ชน.)

"หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา"

นนทบุรี (นบ.)

"พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกล็ดแหล่งดินเผา วัดเกาะนามระบือ เลื่องลือทุเรียนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ"

นครปฐม (นฐ.)

"ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า"

นครนายก (นย.)

"เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ"

กาญจนบุรี (กจ.)

"แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก"

ฉะเชิงเทรา (ฉช.)

"เมืองธรรมะ พระศักดิ์สิทธิ์ ชิดเมืองหลวง มะม่วงหวาน ข้าวสารขาว มะพร้าวน้ำหอม"

สระแก้ว (สก.)

"ชายแดนเบื้องบูรพา ป่างาม น้ำตกสวย มากด้วยอารยธรรมโบราณ ย่านการค้าไทย-เขมร"

พระนครศรีอยุธยา (พย.)

"ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา"

อ่างทอง (อท.)

"พระสมเด็จเกศไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรชนใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทำกลอง เมืองสองพระนอน"

สมุทรปราการ (สป.)

"ป้อมยุทธนาวี พระเจดีย์กลางน้ำ ฟาร์มจระเข้ใหญ่ งามวิไลเมืองโบราณ สงกรานต์พระประแดง ปลาสลิดแห้งรสดี ประเพณีรับบัว ครบถ้วนทั่วอุตสาหกรรม"

สมุทรสาคร (สค.)

"เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์"

สมุทรสงคราม (สส.)

"ดอนหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร.2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม"


สระบุรี (สบ.)

"พระพุทธบาทลือนาม แหล่งน้ำอุดม นมเนื้อมากมาย หลากหลายโรงงาน ถิ่นข้าวพันธุ์ดี มีมะม่วงรสเลิศ งามบรรเจิดธรรมชาติ"


ราชบุรี (รบ.)

"คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง เมืองโอ่งมังกร วัดขนอนหนังใหญ่ ตื่นใจถ้ำงาม ตลาดน้ำดำเนิน เพลินค้างคาวร้อยล้าน ย่านยี่สกปลาดี"

ลพบุรี (ลบ.)

"วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เกริกก้องแผ่นดินทอง สมเด็จพระนารายณ์"

สิงห์บุรี (สห.)

"ถิ่นวีรชนคนกล้า คู่หล้าพระนอน นามกระฉ่อนปลาแม่ลา ย่านการค้าภาคกลาง"

สุพรรณบุรี (สพ.)

"เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขึ้นชื่อ เลื่องลือพระเครื่อง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ำประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศิลปิน ภาษาถิ่นชวนฟัง"

ปราจีนบุรี (ปจ.)

"ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงหวานคู่เมืง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวาราวดี"

เพชรบุรี (พบ.)

"เขาวังคู่บ้าน ขมนหวาน เมืองพระ เลิศล้ำศิลปะ แดนธรรม ทะเลงาม


วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

หัวหินฮิลล์วินยาร์ด ประจวบคีรีขันธ์

หัวหินเมืองชายทะเล ใครเลยจะคิดว่ามีไร่องุ่นซ่อนตัวอย่างเงียบๆ อยู่ที่นี่ยิ่งหากได้ท่องแปลงองุ่นท่ามกลางหุบเขาบนหลังช้าง ต้องถือว่าเป็นประสบการณ์หอมหวานที่น่าจดจำไปอีกนาน
การได้เที่ยวชมไร่องุ่นไกลสุดลูกหูลูกตา ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ ช่างให้ความรู้สึกแปลก ออกไปเมื่อรู้ว่าผืนดินแปลงองุ่นนี้ ตั้งอยู่ที่อำเภอหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์หัวหินฮิลล์วินยาร์ด ไร่องุ่นแปลงสวยท่ามกลางหุบเขานี้ จึงเป็นที่ๆใครต่อใครก็อยากแวะมาอีกอย่างการเที่ยวชมไร่องุ่นของ ที่นี่ก็ไม่เหมือนใครคือการได้นั่งบนหลังช้างท่องไปตามไร่องุ่น สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์กว้างไกลผสม ผสานกับเสียงอันเงียบเบาของฝีเท้าช้างเงียบ พอที่จะได้ยินสายลมแผ่วๆพัดผ่านเถาองุ่นสีเขียว ที่กำลังออกผลรอวันเติบโตถึงแม้ที่นี่จะไม่ติดกับชายฝั่งทะเล แต่ก็มีลมทะเลพัดผ่านเข้ามาในไร่อย่างไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศนั้น ไม่ต่างอะไรกับการได้เที่ยวชมวินยาร์ด ในแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน หากโชคดีมาในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ผลองุ่นก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะลองทำตัวเป็นชาวไร่ ถือกรรไกรตัดผลองุ่นใส่ตะกร้าถ้าอยากได้ความรู้เรื่องไวน์ เพิ่มเติมก็สามารถเข้าเยี่ยมชม ดูขั้นตอนการผลิตได้มาถึงถิ่นไวน์ดี แล้วอย่าพลาดที่จะนั่งรับประทานอาหารพร้อมจิบไวน์รสชาติหอมนุ่มกับอาหารอร่อยๆที่ร้านอาหารเดอะ ศาลา บริการอาหารสไตล์ตะวันตกเช่นสเต็กพอร์คช็อป รวมทั้งไวน์บาร์ให้จิบกันแบบไม่ต้องกลัวหมดอร่อยประจำถิ่น
• มาหัวหินถ้าไม่ได้มากินร้านโกทิตรงสี่แยกไฟแดง ตลาดฉัตรไชยอร่อยทุกอย่างตั้งแต่ ต้มยำปลาเก๋า
ห่อหมกทะเลหมกกันสดๆถ้วยต่อถ้วยผัดขี้เมาทะเลหรือคะน้าปลาเค็มฯลฯ
• ลองของหวานอย่างลอดช่องนายดำเป็นรถเข็นอยู่ตรงแยกไฟแดงถ.แนบเคหาสน์ก่อนถึงสี่แยกโกทิ

รู้ก่อนเดินทาง
• หากไม่เคยขี่ช้างมาก่อนไม่ต้องกลัว เพราะปกติแล้วช้างจะใจดีและได้รับการฝกให้ใกล้ชิดกับคนได้เป็นอย่างดี
• หัวหินฮิลล์วินยาร์ดเปิดบริการวันอังคาร-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ตั้งแต่เวลา11.00-18.00น.

อ้างอิงจาก102ท่องเที่ยวออกรส Scb.co.th

ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

มนต์เสน่ห์แห่งขุนเขาและม่านหมอกร้อยใจ ของคนไทย และพม่าไว้ด้วยกันทองผาภูมิ ที่ภูผาสูงชันกั้นไทยกับพม่าไว้เพียงม่านหมอกหนาที่งดงาม
ที่อำเภอ ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อยืนอยู่บนเขาสูงจากจุดชมทิวทัศน์เขาขาด ปล่อยอารมณ์เหม่อมองผ่านม่านหมอกขาวสะอาดบางเบาราวกับปุยนุ่น จะมองเห็นหมู่บ้านอีต่อง หมู่บ้านหินกองเนินเสาธงทิวทัศน์ในประเทศพม่า และคราใดที่ท้องฟ้าเปิดธรรมชาติเป็นใจไม่เพียง แต่ทิวทัศน์ของป่าใหญ่ และขุนเขาในฝั่งพม่าเท่านั้นที่จะปรากฏอยู่เบื้องหน้าแทบไม่น่าเชื่อว่า ท้องทะเลอันดามันไข่มุกเม็ดงามของชาวไทยก็จะยังปรากฏให้เห็นด้วยตาเปล่าเช่นกัน ความงดงามเหล่านี้ ไม่ได้สิ้นสุดแค่เฉพาะทิวทัศน์อันไกลโพ้นเพียงละสายตา หันมามองธรรมชาติ รอบด้านที่อยู่ใกล้ตัวจะสัมผัสได้ถึงละอองเย็นใส จากสายธารของน้ำตกจอกกระดิ่นน้ำตกน่ารักที่ซึ่ง สายน้ำไหลผ่านหินผาสูงชันอีกจุดชมวิวที่อยากให้แวะเที่ยวชมคือจุดชมทิวทัศน์
กม.15ของถนน สายบ้านไร่อีต่องถนนสายนี้นั่งชมวิวชิดขอบหน้าต่างเห็นทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนเขาแหลม ที่เชื่อมทั้งความงามและคุณประโยชน์เอาไว้ด้วยกันอยากสัมผัสกับทองผาภูมิในมุมมองใหม่ที่มี ม่านหมอกหนาเป็นบรรยากาศต้องมาสัมผัสในช่วง ฤดูหนาวอากาศที่เย็นสบายจะช่วยสร้างความชื่นใจ และความโรแมนติกได้ไม่น้อยเลย
อร่อยประจำถิ่น
• ถ้าไปถึงทองผาภูมิขอให้ลองปลาน้ำจืดทุกชนิดไม่ว่า จะเป็นปลาคังปลาบึกปลายี่สกปลากรายหรือปลา
กระทิง เพราะตกกันสดๆ จากแม่น้ำและอ่างเก็บน้ำ ร้านอาหารในเขื่อนเขาแหลมมีร้านอาหารอร่อยแนะนำ
ชื่อครัวชนบทเป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิมตั้งอยู่บนเส้นทาง ไทรโยค-ทองผาภูมิอยู่ก่อนถึงน้ำตกผาตาดไปไม่ไกล
จะผ่านหมู่บ้านแล้วร้านอยู่ขวามือเชิงสะพาน

รู้ก่อนเดินทาง
• การเดินทางไปน้ำตกจ๊อกกระดิ่นสามารถเดินเท้าเข้าไปได้ อย่างเดียวรถยนต์ไม่สามารถเข้าได้ทั้งฤดูฝนและฤดูแล้ง และควรเตรียมอุปกรณ์ป้องกันทากให้พร้อม

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี

โขงเจียมดินแดนตะวันออก สุดของประเทศไทยริมมหานที ที่ยิ่งใหญ่อย่างแม่น้ำโขง มีความอัศจรรย์ของสายน้ำ และขุนเขาซ่อนอยู่ ใครที่ชื่นชอบแดดอ่อนๆ ในยามเช้าที่นี่คือ ทีี่ที่คุณได้สัมผัสแสงแรกของตะวันก่อนใคร
อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นอำเภอเล็กๆ สุดชายแดนด้านทิศตะวันออก ของประเทศไทยอิงแอบอยู่อย่างเงียบสงบกับสายน้ำโขงสีปูนและน้ำมูลสีครามอากาศบริสุทธิ์ริมแม่น้ำโขง ทั้งกลิ่นอายธรรมชาติวิถีชีวิตผู้คนริมสายน้ำผสมผสานกับความยิ่งใหญ่ของภูผาหินที่มีประติมากรรม ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทิวเขาสลับซับซ้อนจากฝั่งลาว ที่มองไปไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้ง่ายที่จะตกหลุมรัก กับดินแดนที่ไม่เคยสิ้นเสน่ห์ และมนต์ขลังแห่งนี้ ด้วยความสงบเงียบ ทำให้หลายคนเลือก ที่จะมาพักผ่อน และปล่อยวางจากพันธนาการ อันวุ่นวาย แต่ก็มีอีกหลายคนเลือก ที่จะมาเพื่อชมพระอาทิตย์โผล่พ้นเส้นขอบฟ้า ก่อนใครในสยามจุดชมพระอาทิตย์ ขึ้นที่สวยและง่ายต่อการเดินทางมี2จุด ใครที่อยากได้บรรยากาศเรือหาปลาชาวบ้านริมน้ำภูเขาลูกโตทิวเขาสลับซับซ้อนจากฝั่งลาวที่มองไปเรียงรายอยู่ไกลออกไปให้ยืนชมที่กลางสะพานข้ามแม่น้ำมูลถือเป็นจุดชมวิวที่มีเสน่ห์และโรแมนติกมากจริงๆ หากต้องการภาพความยิ่งใหญ่อลังการให้ไปชม
บริเวณยอดหน้าผาที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มที่นี่ คุณจะเห็นพระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นไหล่เขาตัดกับ เส้นขอบฟ้าเบื้องล่างมีลำน้ำโขงทอดตัวยาวไกล สุดสายตาเพียงไม่กี่นาทีที่แสงแรกของตะวันโผล่ ขึ้นมาทักทายคุณจะเป็นคนแรกในประเทศไทยที่ ได้สัมผัสความงามของแสงสีทองอร่ามของแผ่นดิน สุวรรณภูมิแห่งนี้อร่อยประจำถิ่น
• ตื่นแต่เช้าตรู่แวะเที่ยวชมตลาดเช้า โขงเจียมพลาดไม่ได้กับอาหารเช้าประจำถิ่นคือกาแฟโบราณ และก๋วยจั๊บญวนซึ่งเส้นก๋วยจั๊บ จะแตกต่างจากทั่วไป คือเส้นจะเรียวยาวหนานุ่ม น้ำซุปหอมหวานกระดูกหมูชิ้นพอดีคำและสำคัญคือหอมเจียวทอดกรอบโรยหน้ารับรองชามเดียวไม่พอ!

รู้ก่อนเดินทาง
• หากได้ไปเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาวเดือนตุลาคม-ธันวาคมอย่าพลาด ที่จะแวะชมดอกไม้ป่าหลากสีสันบาน สะพรั่งไปทั่วทุ่งหญ้าที่น้ำตกสร้อยสวรรค์ ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม

อ้างอิง 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

ลานสุริยัน จังหวัดนครราชสีมา

ขุนเขาตั้งตระหง่านเคียงคู่ หมอกโรยตัวบางๆสร้างบรรยากาศโรแมนติกชวนหลงใหล ดอกไม้หลากหลายพันธุ์เบ่งบานทักทายส่งกลิ่นหอมไม่ขาดสายที่ ลานสุริยัน
ลานสุริยันเป็นลานแห่งทุ่งดอกไม้ที่มีชื่อเสียงของเขาสมอปูนเทือกเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขาใหญ่ เป็นที่ราบกว้างใหญ่มีภูเขาสลับกันระหว่างทุ่งหญ้า และลานหินในช่วงเดือนตุลาคมลานสุริยัน จะมีทุ่งดอกดุสิตาเต็มลานกว้างดอกเล็กๆสีม่วง และน้ำเงินสดบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมชวนหลงใหล และเนื่องจากบริเวณลานหินที่มีลักษณะชื้นเพราะมีน้ำไหลรินอยู่ตลอดเวลาและน้ำบนหินนี้เองจะช่วย หล่อเลี้ยงทุ่งดอกไม้ ทำให้ทั่วทั้งทุ่งจะเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ แข่งกันออกดอกสวยงาม เช่นเอื้องนวลจันทร์ ม้าวิ่ง กระดุมเงิน ชบาดิน หยาดน้ำค้างจรัสจันทร์ ฯลฯ ความงามของดอกไม้ อากาศที่หนาวเย็นคลอเคล้าไปด้วยหมอกบางๆ สร้างความโรแมนติก ให้ลานหินแห่งนี้อยู่ไม่น้อยใครที่ชอบถ่ายภาพ พลาดไม่ได้ต้องนำกล้องคู่กายมาด้วยเพื่อบันทึกภาพที่ งดงามน่าประทับใจนับเป็นอีกหนึ่ง ความทรงจำดีดีที่ไม่อยากให้พลาดชม
อร่อยประจำถิ่น
• ร้านอาหารแถวๆเขาใหญ่ ร้านเขาใหญ่เมาท์เทน จากแยกปากช่องเข้ามาประมาณ2กม.ซ้ายมือถนนธนะรัชต์อาหารอร่อยโดยเฉพาะขาหมูทอดสุดยอด ใครชอบอาหารพื้นบ้านส้มตำไก่ย่าง ปลาช่อนทรงเครื่อง ร้านไก่ย่างเลิศทิพย์ริมทางหลวงหมายเลข304 ทางไปโคราชอยากชิมไวน์อร่อยเมนูเด็ด ซาโยเต้ผัดแฮม ต้องไปที่
ร้าน PBValleyทางลัดเข้าMissionHill และเขาใหญ่ จากมวกเหล็กผ่านร้านDairyFarmธิดาเทพรีสอร์ท ถึงทางแยกจะเห็นป้ายบอกทางเป็นระยะๆบรรยากาศดีมาก มีไร่องุ่นนับพันไร่อยู่ในหุบเขา

รู้ก่อนเดินทาง
• ช่วงที่น่าเที่ยวมากที่สุดคือช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือ เดือนตุลาคมของทุกปี

อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์


แม้การพิชิตยอดภูสอยดาวจะท้าทายและเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่หากปลายทางมีดินแดนที่แสนโรแมนติกและงดงามดั่งสวรรค์รออยู่ทุกย่างก้าวของการเดินทางก็จะเต็มเปียมไปด้วย

คุณค่า และความทรงจำที่สวยงามเสียงธารน้ำไหล กลิ่นหอมใบหญ้าทุ่งดอกไม้ละลานตา คือของขวัญเล็กๆน้อยๆที่มีค่าที่คุณ จะ ได้รับตลอดเวลาการเดินทางขึ้นไปยอดภูสอยดาว อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเดินเท้าหลายๆคน ด้วยเนินที่สูงชันเส้นทางแคบคดเคี้ยวไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผสมกับสายฝนหยาดน้ำค้างที่ร่วงโรยมาเป็น ระยะทำให้การเดินทางนั้นยาก และท้าทายกว่าดอยไหนๆแต่ก็ไม่น่าประหลาดใจ ที่ใครหลายคนพยายามพิชิตยอดดอยเพื่อตามเก็บภาพ ความงามอันมหัศจรรย์ของทุ่งดอกหงอนนาคราชินีแห่งดอกไม้ ที่ผลิดอกบานสะพรั่งห่มคลุมทั่วทุ่งกว้างรวมไป ถึงเอื้องหมายนาลิลลี่ป่าลิ้นมังกรกระดุมเงินว่านไก่แดง และผืนหมอกที่ปกคลุมป่าสนสามใบเรียงรายไปไกลสุดสายตา ดินแดนแห่งนี้คงไม่ต่างไปจากภาพวาดชวนฝันที่ แสนหวานและโรแมนติก ให้ความคุ้มค่าแก่การได้มาเยือนอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว อำเภอน้ำปาดจังหวัดอุตรดิตถ์ มีเทือกเขาที่กั้นระหว่างพรมแดนไทย-ลาว ในฤดูปลายฝนต้นหนาวได้ชื่อว่ามีทุ่งดอกไม้ผลิบานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากจะมีทุ่งดอกไม้สวยแล้ว ยังมี น้ำตกภูสอยดาว น้ำตกสายทิพย์ น้ำตกผาชัน และ น้ำตกมอส ให้แวะชมอีกด้วย ยามเย็นหากไม่หนาวจัดจนเกินไปมี ลำธารสายเล็กให้ลงไปเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ

อร่อยประจำถิ่น
• อาหารขึ้นชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์คือ"ข้าวแคบ"เป็นข้าวเกรียบที่ทำจากแผ่นแป้งคล้ายๆแผ่นแป้งที่ใช้กิน
กับแหนมเนืองแต่นุ่ม และเหนียวกว่าหาซื้อได้ที่เมืองลับแลห่างจากอำเภอเมืองเพียง 9กิโลเมตร

รู้ก่อนเดินทาง
• ชมทุ่งดอกไม้ต้องช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ดอกหงอนนาคจะบานช่วงเที่ยงวันไปแล้วดังนั้นอาจจะเดินเที่ยวชม น้ำตกมอส หรือ น้ำตกสายทิพย์ระหว่างรอก็ได้
• การเดินเท้าขึ้นภูสอยดาวไม่เหมาะ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยเดินป่ามาเลย ควรมีการฝกซ้อมบนเส้นทางเดินป่าง่ายๆให้เกิดความชำนาญรองเท้าที่สวมใส่ ควรเป็นรองเท้าที่มีคุณภาพคงทนและกันลื่น
• บนยอดดอยไม่มีที่พัก หรือร้านอาหารไว้บริการ ต้องนำเต๊นท์และอุปกรณ์การหุงหาอาหารเตรียมไปเอง

อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ทะเลสาบทิวสน ดินแดนในเทพนิยาย
หากนอนตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วยังรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันในดินแดนใดสักแห่ง มองไปข้างๆมีทุ่งหญ้าเขียวขจีทิวสนเรียงรายแสงแดดสะท้อนแผ่นน้ำในทะเลสาบ กลางหุบเขาดินแดนนี้หาใช่ความฝันแต่มีชื่อว่าปางอุ๋ง หากทอดสายตาไปยังทะเลสาบที่โอบล้อม ด้วยยอดเขาสูงยามพระอาทิตย์ขึ้นแสงสีทอง สะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนเรียงรายริมทะเลสาบ ไอหมอกบางๆที่ลอยเรี่ยผิวน้ำบรรยากาศที่เย็นสบาย ในยามเช้าความสงบนิ่งบนความงามเหล่านี้ ทำให้หลายคนเปรียบปางอุ๋งเหมือนสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย หรือบางคนก็ว่าเหมือนนิวซีแลนด์ แต่ไม่ว่าจะเหมือนประเทศใดในโลก สิ่งที่น่าภูมิใจคือปางอุ๋งดินแดนสุดโรแมนติก เสมือนในเทพนิยายแห่งนี้ ตั้งอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนของไทยนี่เอง ปางอุ๋ง หรือโครงการพระราชดำริปางตอง2 ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ44กิโลเมตร ภายในโครงการฯเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านรวมไทย มีกาแฟหอมกรุ่นรสชาติ อร่อยรอต้อนรับใครที่ชอบถ่ายรูปเดินเลาะเลียบ ไปตามริมทะเลสาบมีสวนดอกไม้สวนหย่อมไม้ดอกและไม้ประดับให้เก็บ เป็นภาพแนบความทรงจำหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด คือการนั่งแพชมทัศนียภาพ และบรรยากาศโดยรอบทะเลสาบ คงไม่ต้องบรรยายว่าดินแดนแห่งนี้สวย และตระการตาเพียงใด ถัดจากหมู่บ้านรวมไทย ไปประมาณ6 กิโลเมตร แวะดื่มชาและซื้อใบชาที่ หมู่บ้านรักไทย ที่มีวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนานมีใบชาและผลไม้แช่อิ่มขาย เพียงได้มาสัมผัสบรรยากาศของภูเขา ท้องฟ้า ทะเลสาบป่าสน และทิวหมอก ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้ยังคงมีอะไรงดงาม อีกมากมายที่รอให้เราค้นหา

อร่อยประจำถิ่น
• น้อยคนนักที่มาเยือนปางอุ๋งแล้วจะพลาด"ArabicaCoffee"ที่ร้านFoodbankCoffeeShopชาวบ้านในเขต ปางอุ๋งนิยมปลูกกาแฟและจำหน่ายในราคาไม่แพงเรื่องรสชาตนั้นเข้มข้นถึงใจถูกใจคอกาแฟเลยทีเดียวและอย่าพลาดที่จะไปจิบชาชิมขาหมูที่หมู่บ้านรักไทยหมู่บ้านชาวจีนจากกองพล93

รู้ก่อนเดินทาง
• ปางอุ๋งเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่จะสวยที่สุดในฤดูหนาวควรตื่นแต่เช้ามาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นเป็น
แสงสีทอง ทั่วป่าสน

อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน


เมื่อหลายสิบปีก่อนมีดอกไม้ชนิดหนึ่งสีเหลืองอร่าม พร้อมใจกันผลิบานต้อนรับฤดูหนาว ห่มคลุมไปทั่วขุนเขาของดอยแม่อูคอดอกไม้ชนิดนี้่มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่ดินแดนไกลโพ้นข้ามฟ้าข้ามทะเลมา ช่วยเติมสีสันแห่งฤดูกาลให้เป็นสรวงสวรรค์อีกแห่งของเมืองไทย บนยอดดอยสูง ของบ้านแม่อูคออำเภอขุนยวมจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับดอกไม้สีเหลืองงามนามว่าบัวตองเมื่อลมหนาวมาเยือนดอกไม้ชนิดนี้จะบานสะพรั่งห่อหุ้มผืนดินไปทั่วขุนเขา เป็นที่ประหลาดตาประหลาดใจต่อผู้พบเห็นโดยเฉพาะเมื่อทราบว่าดอกไม้ชนิดนี้หาใช่พันธุ์ไม้ท้องถิ่น แต่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแดนไกลถึงทวีปอเมริกากลางและหมู่เกาะอินเดียตะวันตกกล่าวกันว่า ผู้ที่นำเมล็ดพันธุ์บัวตองหรือ MexicanSunflowerมาแพร่พันธุ์คือมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ ยอดดอยและเทือกเขาของแม่อูคอจึงเต็มไปด้วยสีสันสดใสของดอกบัวตอง ยามพระอาทิตย์ขึ้นแสงแดดสีทองส่องผ่าน ไอหมอกแซมสลับกับมวลดอกไม้ อบอวลไปทั่วหุบเขาไม่ว่าใครที่ได้ไปยืนอยู่บนจุดชมวิวมองลงมาเห็นท้องทุ่งดอกไม้สีเหลืองอร่ามดั่งปูพรมไว้ก็ต่างหลงใหลใน ความงามและเสน่ห์ของดอกบัวตองอย่างหมดหัวใจอีกมุมหนึ่งที่ อยากให้สัมผัสคือการได้ขับรถไปเรื่อยๆช้าๆตามถนนสายแม่แจ่ม-ขุนยวมทางหลวงหมายเลข1263จะเห็นทิวดอกบัวตองคลอเคลีย
กับทะเลหมอกลัดเลาะไปตามสันเขางดงามสวยดั่งสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่บนผืนแผ่นดินไทย
อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์


ขับรถชมทะเลหมอก ในดินแดนที่ได้ชื่อว่า สวิตเซอร์แลนด์
สำหรับ คนที่ชื่นชอบความงามของภูมิประเทศที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาสองข้างทางเป็น ทุ่งนาเขียวขจีขับรถเปดหน้าต่างต้อนรับอากาศเย็นสบายที่ปกคลุมไปด้วยสายหมอกเขาค้อ คือจุดหมายที่ใครก็ฝันถึง เขาค้อคือเส้นทางแห่งความสุขที่เพิ่มความสดชื่นและความหอมหวานให้กับชีวิต ดินแดนที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลภูเขาหญ้าสลับซับซ้อนมียอดเขาย่าเป็นภูเขาสูง1,290เมตร สูงที่สุดของ เขาค้อไม่ว่าฤดูไหนเขาค้อก็มีอากาศที่เย็นสบายตลอดปีโดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่ กลางคืนมีอุณหภูมิเฉลี่ย3-5องศา จึงทำให้บรรยากาศยามเช้าเป็นภาพที่เต็มไปด้วยสายหมอกลอยอ้อย อิ่งปลายขอบฟ้า อากาศเย็นสบายสดชื่นยามเย็นชมพระอาทิตย์ตกดินทอแสงสีแดงชมพูอาบทะเลภูเขา แห่งนี้ด้วยความ งดงามของขุนเขาและทะเลหมอกเขาค้อจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับขับรถเที่ยว เลียบเลาะได้ตั้งแต่ อำเภอเมืองตามถนนสายเพชรบูรณ์-หล่มสัก แวะเที่ยวเนินมหัศจรรย์ณกิโลเมตรที่17-18เพียงจอดรถนิ่งๆแล้วปลดเกียร์ว่าง รถจะไหลถอย หลังขึ้นเนินสูงอย่างน่าอัศจรรย์ขับรถไปไม่นานแวะพักจิบกาแฟสดหรือดื่มน้ำ เสาวรสคั้นสดๆจากไร่
ที่จุดชมวิวและตลาดพืชผลทางการเกษตรตลอด เส้นทางและบริเวณกิโลเมตรที่5 ของถนนหลวงหมายเลข2325มีสถานที่พักผ่อนที่สวยที่สุดของ เขาค้อคืออ่างเก็บน้ำรัตนัยซ่อนตัวอยู่บรรยากาศของทะเลสาบผืนเล็กมีวิวของท้องฟ้าและขุนเขาน้อยใหญ่เป็นฉากหลังยามพระอาทิตย์อัสดงงดงาม และโรแมนติกอย่าบอกใคร

อร่อยประจำถิ่น
• มาเที่ยวเขาค้อแล้วอย่าพลาดชิมน้ำเสาวรสคั้นสดๆหวาน ชื่นใจแวะซื้อผลเสาวรสสดๆ ในราคาแสนถูกที่วางขายอยู่หน้าไร่หรือตลาดพืชผลทางการเกษตร

รู้ก่อนเดินทาง
• เขาค้อในฤดูร้อน-อากาศสดใสท้องฟ้าสีครามภูเขาหญ้าสีเหลืองทอง
• เขาค้อในฤดูฝน-สองฝังถนนห่อหุ้มไปด้วยสีเขียวละลานตาอากาศสดชื่นแจ่มใส
• เขาค้อในฤดูหนาว-ปิดแอร์เปิดหน้าต่างรับลมเย็น และสายหมอกสูดอากาศบริสุทธิ์และภูเขาหญ้าที่กำลังจะ เปลี่ยนสีจากเขียวเป็นสีเหลืองทอง

อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

อำเภอปัว จังหวัดน่าน


ในความเงียบสงบบนถนนสายหนึ่งสองข้างทางถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาและท้องฟ้าสีคราม มุ่งหน้าสู่เมืองเล็กๆที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมทุ่งข้าวกองฟาง และรอยยิ้มของผู้คน บางคนกล่าวไว้ว่าสำหรับเมืองปัวถ้าไม่ตั้งใจไปจริงก็จะไปไม่ถึงแต่หากไปแล้วก็จะคิดถึงตลอดไป อำเภอปัวตั้งอยู่ในจังหวัดน่านจังหวัดที่ไม่ใช่ทางผ่านสู่เมืองท่องเที่ยวสำคัญทางภาคเหนือหากแต่เป็น ที่ที่มีธรรมชาติงดงามมีวัฒนธรรม ชาวไทลื้อวัดวาอารามเก่าแก่ชุมชนที่ยังเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ของ รอยยิ้มและผู้คนใครที่ได้เข้าไปสัมผัสก็ยากที่จะลืม บนเส้นทางเขียวขจีของจังหวัดน่านสู่อำเภอปัว มีความเป็นมาที่น่าประทับใจเดิมเป็นอาณาจักรเล็กๆของล้านนา และเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวไทลื้อมา หลายร้อยปีมีความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน และแหล่งน้ำวัฒนธรรมชาวไทลื้อคือการทอผ้าลายน้ำไหล ล้วนสะท้อนคติความเชื่อฝีมือเชิงช่างและจินตนาการทางศิลปะของชุมชนชาวไทลื้อได้อย่างดี ชีวิตยามเช้าของชาวปัวเองก็มีเสน่ห์ ไม่แพ้เมืองไหนๆความเรียบง่ายตามวิถีชนบทมีให้เห็น อยู่ทั่วไปโดยเฉพาะกาดเช้าชาวบ้านนำของมาขาย พืชผักท้องถิ่นตามฤดูกาลยอดฟักทองตำลึง ผักฮากผักหวานรวมถึงอาหารพื้นบ้านไม่ว่า จะเป็นตำขนุนตำเตาส่ามะเขือแจ้แอบอ่อง

ออหมูบรรยากาศยามเช้าจึงดูสดชื่นและมีชีวิตชีวา ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางด้วยความน่ารักของ วิถีความเป็นอยู่แบบชุมชนผสานกับ ดินแดนแห่งขุนเขาที่งดงามทำให้เมืองเล็กๆแห่งนี้กลายเป็นเมืองที่อยู่ในใจ ของใครหลายคนที่เคยไปสัมผัส

อร่อยประจำถิ่น
• แวะตลาดเช้าแล้วถามหา"แกงก้าม"อาหารพื้นบ้านแท้ๆของชาวน่านปรุงโดยหมูสามชั้นนำไปแกงกับน้ำพริกทางเหนืออาหารอีก
ชนิดหนึ่งอยากให้ลองแต่อาจจะหารับประทานได้ยากคือ "ยำหนัง" เป็นการนำเอาหนังวัวหรือควายตากแห้งมาเผาให้สุกหั่นเป็นชิ้น
บางๆแล้วนำไปแช่น้ำจนนุ่มก่อนนำมาคลุกกับพริกป่นแล้วปรุง ด้วยเกลือและโรยหน้าด้วยผักไผ่ที่มีกลิ่นหอมยั่วน้ำลายยิ่งนัก

รู้ก่อนเดินทาง
• เมื่อเดินทางถึงอำเภอปัวถ้าอยากเห็นของแปลก1ในUnseen Thailand ก่อนถึงตัวอำเภอเล็กน้อยมีทางแยกเข้าสู่วัดปรางลอง เลี้ยวเข้าไปดู"ต้นดิกเดียม"พรรณไม้อัศจรรย์ที่คล้ายมีอารมณ์ขัน เพราะใบไม้จะสั่นไหวระริกทุกครั้งยามถูกคนสัมผัส

อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

ดอยภูคา จังหวัดน่าน


เมื่อลมหนาวมาเยือนพราวดอกสีชมพูที่แซมอยู่ตามต้นผลัดกันผลิบานท่ามกลางไอหมอก
แต่งแต้มยอดเขาภูคาให้กลายเป็นดอยสีชมพู

เช้าวันใหม่ในยามที่ดวงอาทิตย์ ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้าเสียงกระซิบ ของสายลมยามเช้าลอยผ่าน เทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนเบื้องหน้าที่เวิ้งว้างกว้างไกล เต็มไปด้วยทะเลหมอกสีเทาจางพืชพันธุ์ ชนิดต่างๆทยอยกันผลิดอกออกผลบานสะพรั่ง เต็มขุนเขา ณ ดอยภูคา แห่งนี้ได้ซ่อนความมหัศจรรย์ เอาไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นผืนป่าแห่งเดียวในประเทศไทย ที่มีพรรณไม้หายากของโลกอย่างต้นชมพูภูคา หรือแม้กระทั่งต้นเต่าร้างยักษ์ภูคารวมไปถึง ต้นก่วมภูคาพรรณไม้เฉพาะถิ่นที่หายาก ของเมืองไทยหากมาเที่ยว ช่วงฤดูหนาวก็จะได้พบดอกนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง หวานชื่นใจไปทั่วดอยนอกจากจะชมความงามของ ดอยสีชมพูแห่งนี้แล้วกิจกรรมง่ายๆที่อยากให้ทำ คือการเดินป่าระยะสั้นในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแวะชม"น้ำออกรู"ที่ธารน้ำลอดหรือหากมี เวลาและชอบการผจญภัยไปเที่ยวชมน้ำตกภูฟ้าน้ำตกขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าลึกมีความสูงลดหลั่นกันถึง12ชั้นยามพระอาทิตย์ลับเหลี่ยม เขาพระจันทร์เคลื่อนตัวมาจับจองท้องฟ้าเพียงเร้นกายลงนอน ใต้หลังคาผ้าใบเปิดม่านออกมาชมดาว ณ จุดชมวิวลานดูดาวยอดดอยภูคาแห่งนี้ก็นับเป็นทริปที่ตรึงใจได้ไม่รู้ลืม


• ถ้าไปน่านในฤดูฝนอย่าลืมหาหนอนรถด่วนมารับประทาน เพราะอุดมไปด้วยโปรตีนแท้ๆ
• ถ้าผ่านไปทางอ.เวียงสาลองแวะร้านกาแฟPPMilk & CoffeeHouseริมแม่น้ำน่านของขึ้นชื่อคือกาแฟสด
วอฟเฟิลและแซนวิชไส้ต่างๆ
• ต้นนางพญาเสือโคร่งจะเบ่งบานอวดสีชมพูสดเต็มยอดดอย ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
•ต้องการชมดอกชมพูภูคาให้ไปในเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม

อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th

ดอยม่อนจอง จังหวัดเชียงใหม่

ไม่ว่าจะเป็นวิวสันดอยวิวเทือกเขาวิวทะเลหมอกวิวท้องฟ้าวิวไหนๆ ก็สวยไปหมดที่ ดอยม่อนจองเส้นทางเดินแสนสวยสุดโรแมนติก บนริมสันเขาความมหัศจรรย์ของเทือก เขายามท้องฟ้าอาบแสงสีทอง บนยอดดอยสูงไกลสุดสายตากลางป่าลึก ของผืนป่าอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ดอยม่อนจอง
มีเส้นทางเดินเลียบริมขอบฟ้า ให้คุณได้สัมผัสกับทุ่งหญ้าผืนป่า และความงดงามของ
ทัศนียภาพที่หาขีดจำกัดไม่ได้ไม่ว่าจะหันหน้าไปทิศทางใดมุมมองไหนๆ ก็สวยจนเกือบลืมหายใจ
บนเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนแห่งลุ่มแม่น้ำปิงดอยม่อนจอง มีด้านตะวันออกเป็นป่าดิบทึบ
และด้านตะวันตก เป็นแนวหน้าผาที่ทอดยาวกว่า3กิโลเมตร อาณาจักรผืนดิน
สูงเฉียดฟ้าแห่งนี้ ยังเป็นที่อยู่อาศัยของกวางผา หรือม้าเทวดาสัตว์ป่าสงวนของไทย
ถ้ามา ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะได้พบดอกกุหลาบพันปีออกดอกสีแดงจัดเบ่งบาน
รับอรุณเต็มต้น เหนือสิ่งอื่นใดคือการได้หยุดยืนอยู่บนยอดเขาหัวสิงห์ ยลพระอาทิตย์โผล่พ้น
เส้นขอบฟ้าอิ่มเอมกับภาพพาโนรามา ของเทือกเขาทะเลหมอกและท้องฟ้าอาบแสงสี
ส้มทองโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น และไม่แปลกอะไรถ้าจะนั่งชมวิวที่นี่ ตลอดทั้งวัน
เพื่อรอแสงสุดท้ายจน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีชมพู เพราะความงามที่ ไม่รู้จบบนดอยม่อนจอง
แห่งนี้ทำให้ใครหลายคนปฏิเสธไม่ได้ว่าดอยม่อนจองคือเส้นทาง มหัศจรรย์ที่น่าค้นหา
อีกแห่งของประเทศไทย
อร่อยประจำถิ่น

•ของฝากขึ้นชื่อต้องน้ำพริกตาแดงน้ำพริกปลาร้าน้ำพริก
แมงดาชาวบ้านตำใส่กระปุกวางขายได้รสชาติแท้ๆ

•สำหรับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วถ้ามาถึงดอยม่อนจองขอให้
ลอง"ดาวลอย"เหล้าพื้นบ้านที่รสชาติไม่บ้าน

• ก่อนเดินทางขึ้นดอยแวะซื้อเสบียงและอาหารกล่องได้ที่
"ร้านป้าฝัน"ตรงสี่แยกอมก๋อยหรือใครที่ชอบทานโรตี
สมุนไพรใส่ตะไคร้เจ้าของเป็นคุณครูโรงเรียนประชาบาล
จะมีขายอาทิตย์ละ2วันเป็นอาชีพเสริม รู้ก่อนเดินทาง

• ฤดูกาลของการท่องเที่ยวคือฤดูหนาวจากเดือนตุลาคม
เป็นต้นไปคือวันเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้ชมกวางผาและ
สามารถเที่ยวได้จนถึงช่วงต้นฤดูฝนราวเดือนพฤษภาคม

• ดอยม่อนจองไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆนักท่องเที่ยว
ต้องนำเต๊นท์ขึ้นไปกางและทำอาหารทานเอง

อ้างอิงจาก 102ที่เที่ยวออกรส scb.co.th